วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

 ประเภทของบรรจุภัณฑ์
          
ประเภทของบรรจุภัณฑ์ แบ่งได้ 3 ประเภท
1. บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย  ( Individual  Package ) คือ  บรรจุภัณฑ์ชั้นแรกที่สัมผัสกับผลิตภัณฑ์มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและการโฆษณา มีรูปร่างหลายลักษณะ เช่น ขวด  กระป๋อง  หลอด  กล่อง  ถุง  เป็นต้น  ซึ่งจะทำให้มีรูปร่างที่เหมาะสมกับการจับ  การถือ  และช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน  พร้อมทั้งทำหน้าในการป้องกันผลิตภัณฑ์โดยตรง
2 . บรรจุภัณฑ์ชั้นใน  ( Inner  Package )  คือ บรรจุภัณฑ์ที่อยู่ถัดออกไปเป็นชั้นสอง มีหน้าที่รวบรวมบรรจุภัณฑ์ ชั้นแรกเข้าไว้ด้วยกันเป็นชุด  และป้องกันสินค้าจากความชื้น ความร้อน แสงแดด การกระทบกระเทือนและอำนวยการความสะดวก ในการขายปลีกและขายส่ง เช่น กล่องกระดาษที่บรรจุ เครื่องดื่มจำนวน 6 ขวด  ฟิล์มหดรัดรูปสบู่จำนวน 6 ก้อน
3. . บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุด  ( Outer  Package )  คือ  บรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวมขนาดใหญ่ที่ใช้ในการขนส่ง  โดยปกติผู้ที่ซื้อไม่ได้เห็นบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้  เนื่องจากทำห้าที่ป้องกันผลิตภัณฑ์ในระหว่างขนส่ง เท่านั้น  ลักษณะบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้  เนื่องจากทำหน้าที่ป้องกันผลิตภัณฑ์ในระหว่างขนส่งเท่านั้น ลักษณะบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ได้แก่  หีบไม้  ลังไม้  กล่องกระดาษใหญ่  ภายนอกจะบอกเพียงรหัสสินค้า เลขที่  ตราสินค้า  สถานที่ส่ง  เป็นต้น
 วัสดุและรูปแบบของบรรจุภัณฑ์
   
วัสดุบรรจุภัณฑ์ หมายถึง วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์ โดยการนำคุณสมบัติที่ดีเด่นของวัสดุต่างชนิดกัน  มาสร้างสรรค์ดัดแปลงให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์  เพื่อการขนส่งและการจำหน่าย
วัสดุภัณฑ์แบ่งได้  4  ประเภท
1.บรรจุภัณฑ์ประเภทเครื่องแก้ว ( Glassware )  เป็นการนำทรายหรือที่เราเรียกว่า ซิลิกา  ( SiO 2 ) มีความบริสุทธิ์   99.5 %  โซดาแอซ  ( Na2Co3 )  หินปูน ( CaO ) หินฟันม้า  ที่มีส่วนประกอบของ SiO 2  และ A1 2  O3  หินโดโลไมต์  ที่มีส่วนประกอบของ  CaO  และ  MaO  มาหลอมที่อุณหภูมิ 2,800 องศาเซลเซียสแล้วนำไปขึ้นรูปเประภาชนะที่ต้องการ เช่น  ขวดแก้ว  คนโท  จาน  ชาม  แก้วน้ำ  เป็นต้น  เครื่องแก้วแบ่งเป็นได้  4 ประเภท1.1 แก้วบอโรซิลิเกต  ทำมาจากโบรอนไตรออกไซด์  ซึ่งมีคุณสมบัติในการทนท้านสูงนิยมนำมาใช้ผลิตเป็นภาชนะบรรจุยาสำหรับฉีด1.2 แก้วโซดาไลม์  ทำมาจากโซดาไลม์  ทรายโซดาแอซ  ที่ผ่านกรรมวิธีอัลคาไลส์อย่างเหมาะสม  มีความทนต่อกรดและด่างสูงนิยมนำมาใช้ผลิตภาชนะบรรจุยาสำหรับฉีดที่มีความเป็นกรด หรือด่าง  หรือเครื่องแก้วในห้องปฏิบัติการ  เช่น  บิกเกอร์  หลอดทดลอง1.3 แก้วโซดาไลม์ ที่ไม่ใช้ทำภาชนะบรรจุยาสำหรับฉีด ยกเว้นยาฉีดที่ทดสอบความคงตัวแล้ว  ไม่มีกีเปลี่ยนแปลงเมื่อบรรจุในภาชนะที่ทำจากแก้วนิยมนำมาใช้เป็นภาชนะบรรจุในอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ เช่น  อุตสาหกรรมเบียร์  น้ำอัดลม  อาหาร  เครื่องสำอาง  จาน  ชาม 1.4แก้วโซดาไลม์  ที่นำมาใช้ผลิตภาชนะบรรจุยาที่ใช้สำหรับรับประทานหรือยาที่ใช้เฉพาะที่  แต่ไม่นิยมใช้เป็นภาชนะบรรจุยาสำหรับฉี
     2. บรรจุภัณฑ์ประเภทกระป๋อง  (CAN) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากการใช้งานที่สะดวก  รูปร่างแปลกใหม่  กระป๋องทำจากวัสดุหลายประเภท เช่น โลหะพลาสติก กระดาษ เป็นต้น เราจำแนกกระป๋อง ได้เป็น  4  ประเภทดังน้
    2.1 กระป๋องบรรจุอาหารและเครื่องดื่มเป็นการนำโลหะมารีดเป็นแผ่น แล้วนำไปขึ้นรูปตามความต้องการได้แก่ 2.1.1  แผ่นเหล็กเคลือบดีบุก  เป็นแผ่นเหล็กดำ
    นำมาเคลือบผิวหน้าด้านเดียว
    หรือทั้งสองด้านด้วยดีบุก มีความหนา
    ประมาณ 0.15-0.5 มิลลิเมตร
    เพื่อให้ทนต่อการผุกร่อนแล้วไม่เป็นพิษ
                 2.1.2  แผ่นเหล็กไม่เคลือบดีบุก  เป็นแผ่นเหล็กที่นำวัสดุอื่นมาเคลือบแทนดีบุกเพื่อลดต้นทุนในการผลิต  เช่น  นำโครเมตผสมฟอสเฟต  มาเคลือบกระป๋องใช้บรรจุเบียร์  น้ำผลไม้และถังโลหะชนิดต่าง ๆ  นำโครเมียมผสมโครเมียมออกไซด์  เพื่อป้องกันการกัดกร่อนนิยมนำมาใช้บรรจุอาหารทะเล  นมข้นหวาน
                    2.1.3  อะลูมิเนียมหรือโลหะผสมอะลูมิเนียม  มีคุณสมบัติที่ดี คือ น้ำหนักเบาทนทานต่อการกัดกร่อนเนื่องจากความชื้น  แต่ไม่สามารถใช้กับอาหารที่มีความเป็นกรดเป็นด่างสูงนิยม นำมาใช้กับกระป๋องบรรจุเบียร์ น้ำอัดลม  กระป๋องสำหรับฉีดพ่น กระป๋องบรรจุเครื่องสำอาง

    2.2  กระป๋องกระดาษ (  Composite  Can ) ประกอบด้วยกระดาษมาตรฐาน  180 กรัม ต่อตารางเมตร  นำมาประกอบกับแผ่นอะลูมิเนียมเปลวแล้วประกบกับฟิล์มเอทีลีน  ( Ethylene )  อีกชั้นหนึ่ง โดยใช้กระดาษอยู่ที่ชั้นนอกพลาสติกอยู่ชั้นในมีกระบวน การผลิต  2 วิธี
                 2.2.1  แบบ Spiral  Winding  เป็นการม้วนกระดาษพับเป็นเกลียวเฉียงขึ้นไป  เหมือนกับแกนของกระดาษชำระ  เมื่อพันเสร็จแล้วยังไม่แห้ง  หลังจาปล่อยให้หายแล้วจึงตัดเป็นท่อนนิยมใช้บรรจุอาหารประเภทขนมขบเคี้ยว
                 2.2.2  แบบ Parallel  Winding  ใช้กระดาษชุบกาวพับรอบแกนทับกันไปเรื่อย ๆ จนได้ความหนาที่ต้องการ นิยมใช้บรรจุสินค้าทีมีน้ำหนักมาก  เช่น  ถังบรรจุสารเคมี  ตู้เย็น  เครื่องซักผ้า
    2.3  กระป๋องยุคอวกาศ  เป็นภาชนะที่ใช้สำหรับบรรจุอาหารที่ได้รับกาพัฒนา  ให้เป็นภาชนะที่สามารถอุ่นหรือแช่เย็นอาหารได้ โดยไม่ต้องอาศัยพลังงานหรืออุปกรณ์ใด ๆ  เช่น  ก๊าซ  ไฟฟ้า  ตู้เย็น  ตู้อบ
    - ภาชนะบรรจุอาหารที่อุ่นอาหารได้เอง  อาศัยปฏิกิริยาเคมีระหว่างแคลเซียมออกไซด์กับน้ำ  แต่อาจจะมีการเติมโดโลไมต์  แมกนีเซียมออกไซด์ลงไปด้วยก็ได้  เมื่อปฏิกิรกยาเคมีเกิดขึ้นจะมีอุณหภูมิสูงถึง 240 – 260 องศาเซลเซียส  ภายในเวลา 3 -5 นาที และมีไอน้ำเกิดขึ้นมากจึงต้องมีวัสดุดูดซับไอน้ำไว้  ส่วนใหญ่เราใช้กระดาษ  ผ้าวัสดุดูดซับไอน้ำ เนื่องจากความร้อนที่เกิดอุณหภูมิสูง  วัสดุที่นำมาผลิตเป็นภาชนะต้องเป็นภาชนะต้องเป็นวัสดุที่ทนความร้อนได้ดี  เช่น  อะลูมิเนียม  พลาสติกชนิดพอลิโพรไพลีน (  Polyproplyene  : PP )
    - ภาชนะบรรจุอาหารที่แช่เย็นได้เอง อาศัยปฏิกิริยาเคมีระหว่างสารผสมของ
    แอมโมเนียมไนเตรต กับแอมโมเนียมคลอไรด์กับน้ำเมื่อเกิดปฏิกิริยาขึ้นจะทำให้อุณหภูมิิลดลงใกล้เคียงจุดเยือกแข็งประมาณ7องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา  3- 5 นาที
              
    2.4  กระป๋องวัสดุร่วม  เป็นกระป๋องที่ตัวและฝากระป๋องที่ตัวและฝากระป๋องทำมา  จากวัสดุต่างชนิดกัน  เช่น  ตัวกระป๋องทำจากกระดาษหรือพลาสติก  ฝาทำจากโลหะ  จะเห็นได้ว่าวัสดุทีทนำมาใช้ในกระบวนการผลิตมีหลากหลาย  ดังนั้นกรรมวิธีในการขึ้นรูปจึงขึ้นอยู่กับ ชนิดของวัสดุที่นำมาใช้               
2.5  กระป๋องฉีดพ่นหรือกระป๋องสเปรย์  ( Aerosols )
คือบรรจุภัณฑ์ที่อัดด้วยความดัน และมีวาลว์  สำหรับฉีดพ่น ได้แก่ เครื่องสำอางน้ำยาระงับกลิ่น  ครีมโกนหนวด  น้ำหอม ยาฆ่าแมลงสีพ่นรถยนต์  เป็นต้น   วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตกระป๋องฉีดพ่น มีหลากหลายชนิด  อาทิ แก้วพลาสติก อะลูมิเนียม  โลหะเคลือบผิว  ซึ่งก็มีข้อดี  ข้อเสียต่างกัน  ดังนั้นในการเลือกใช้วัสดุต้องคำนึง ถึงผลิตภัณฑ์ที่นำมาบรรจุ  เช่น ผลิตภัณฑ์พ่นที่มีการกัดกร่อนโลหะ
หรือไม่ต้องการให้เกิดปฏิกิริยากับสารอื่น ก็ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากแก้ว  แต่แก้วมีข้อเสียตรงที่แตกง่ายและทนต่อแรงดันน้อย  ดังนั้นในกระบวนการผลิตมักเคลือบด้วยพลาสติกจำพวก  พอลิไวนิลลิดีนคลอไรด์ ( Polyvinylidinechloride : PVDC )  เพื่ออุดรอยรั่วและทำให้แก่วมีความทนทานต่อแรงดันภายในได้
 3. บรรจุภัณฑ์ประเภทพลาสติก ( Plastics ) 
                พลาสติกเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่เรียกว่า
พอลิเมอร์  (Polymer) เกิดจากกระบวนการรวมตัวกัน ของ โมโนเมอร์  (Monomer) หลาย ๆ โมเลกุลเข้าด้วยกันด้วยกระบวนการ พอลิเมอร์ไรเซชั่น ( Polymerization)ดังสมการ
    พลาสติกจัดเป็นสารอินทรีย์ที่ประกอบด้วยคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน ในสภาวะปกติ
จะแข็งตัวแต่สามารถทำให้เหลวได้  หากใช้ความร้อนและความดันที่เหมาะสม พลาสติกที่นิยมนำมาใช้ผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ คือ พอลิเอทาลีน (Polyethylene  : PE) พอลิโพรไพลีน (Polypropylene :PP)  พอลิไวนิลคลอไรด์ ( Polyvinylchloride : PVC )พอลิสไตรีน(Polystyrene : PS )
พอลิเอไมด์ ( Polyamide : PA ) พอลิเอทีลีนเทเรฟทาเลต ( Polyethylene Telleftalate :PET  )
พอลิไวนิลลิดีนคลอไรด์  ( Polyvinylidinechloride : PVDC )  พลาสติกที่นำมาผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์
จำแนกได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ
                3.1  พวกที่เปารีดเป็นแผ่นหรือเรียกกันว่า  ฟิล์ม  ใช้ทำถุงหรือห่อรัดสินค้า
เช่น ฟิล์มยืด  ฟิล์มหด  การผนึกแบบแผ่น
                3.2  พวกที่ขึ้นรูปเป็นภาชนะบรรจุคงรูป  เช่น  ขวด   กล่อง   ถัง   ลัง   โฟม   ตะกร้า
           
3.1 พวกที่เปารีดเป็นแผ่น ได้แก่         
       3.1.1  ฟิล์มยืด  (  Stretch Film )  คือ ฟิล์มพลาสติกชนิดหนึ่ง  ที่มีความเหนียวและความ
ยืดหยุ่นตัวสูง  ฟิล์มยืดจะเกาะติดกันเองได้เมื่อดึงฟิล์มให้ยืดออกเล็กน้อย  ทำให้สะดวกในการห่อรัดสินค้านิยมนำมาใช้ห่อรัดผลิตภัณฑ์ที่เสียง่ายเมื่อถูกความร้อน  เช่น  ผัก  ผลไม้  เนื้อสัตว์และอาหารสด ซึ่งวางขายตามซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป  พลาสติกที่นำมาใช้ผลิตฟิล์มยืด  คือ  พอลิเอทาลีน
( Polyethylene  : PE )  )   พอลิโพรไพลีน   ( Polypropylene : PP )  พอลิไวนิลคลอไรด์
( Polyvinylchloride : PVC )   โดยในกระบวนการผลิตจำเป็นต้องเติมสารบางชนิดลงไปเพื่อเพิ่ม
คุณภาพที่ดีขึ้น  ได้แก่
             (1)  สารเกาะติด  ( Cling  Agent )  เพื่อช่วยให้ฟิล์มยืดเกาะติดกันได้ดีขึ้น  เมื่อใช้ห่อสินค้า
             (2)  สารป้องกันออกซิเดชั่น  เพื่อป้องกันการสลายตัวของพลาสติก  ในระหว่างการผลิต
             (3)  สารป้องกันการเกาะติด (Antiblock  Agent) ปงกันฟิล์มยืดเกาะติดกันแน่นขณะม้วนหรือพับกันเป็นขดใหญ่
              (4)  สารป้องดกันรังสีอุลตร้าไวโอเลต  ( UV  Inhibitor )  เพื่อเป็นการยืดอายุของฟิล์มยืดในการใช้งาน นอกอาคาร
              3.1.2  ฟิล์มหด  ( Shrink  Film )  คิพลาสจติกที่ทำให้เรียงตัวกันในขั้นตินของการผลิตฟิล์ม  พลาสติกที่นำมาผลิตเป็นฟิล์มหด คือ พอลิไวนิลคลอไรด์ ( Polyvinylchloride : PVC ) และพอลิเอทีลีนชนิดความ หนาแน่นต่ำ ( Low   Doensity  Polyethylene  : LDPE )  การใช้งานทำได้โดยการนำฟิล์มมาทำเป็นถุงแล้วสวมครอบสินค้าอย่างหลวม ๆ จากนั้นนำไปผ่านความร้อน
ซึ่งได้มาจาก ปืนก๊าซหรืออุโมงค์ความร้อน เป็นผลให้ฟิล์มหดตัวและรัดแน่นติด กับสินค้าที่ครอบอยู่
นิยมนำไปห่อรัดสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีหลายชิ้นให้เป็นหน่วยเดียวกัน  เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้าและเก็บรักษา  เช่น  กระดานไวท์บอร์ด  เครื่องเขียน  สมุด  ใช้หุ้มสินค้าปลีกกับของแถมเข้าด้วยกันเป็นต้น
                การผนึกแบบแผ่น    เป็นการหีบห่อสินค้าที่อาศัยเพียงพลาสติกกับแผ่นกระดาษแข็ง ๆ
ก็สมารถห่อหุ้มสินค้าได้ มี  2 วิธี  คือ
               (1)  การผนึกแบบบลิสเตอร์  (Blister  Packaging )  เป็นกานนำพลาสติกประเภทเซลลูโลส พอลิไวนิลคลอไรด์  ( Polyvinylchloride : PVC )   พอลิสไตรีน (Polystyrene : PS )  ที่ขึ้นรูปตามรูปร่างของสินค้าหรือผลิตภัณฑ์  มีแผ่นกระดาษแข็งรองด้านล่าง  โดยสารเคลือบให้ผนึกติดกัน  สินค้าที่นิยมบรรจุด้วยวิธีนี้  ได้แก่  เครื่องสำอาง  ของเล่น  อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็ก  เป็นต้น
              (2)  การผนึกแบบสกิน  ( Skin  Packaging ) เป็นการนำตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์มาเป็นแบบให้กับแผ่นพลาสติก โดยพลาสติกที่ใช้ได้แก่ พอลิไวนิลคลอไรด์ (Polyvinylchloride :PVC)            
พอลิเอทาลีน  ( Polyethylene  : PE )   และไอโอโนเมอร์  และทำการบรรจุแบบสุญญากาศ  ทำให้แผ่นพลาสติกแนบติดกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์  ผลิตภัณฑ์ที่นิยมบรรจุด้วยวิธีนี้ได้แก่  ตะเกียง
เครื่องพิมพ์ดีด  กระเบื้อง  แก้วเจียรใน  เป็นต

3.2 พวกที่ขึ้นรปูเป็นภาชนะบรรจุคงรูป  ได้แก่       
      3.2.1  ขวดพลาสติก  นิยมนำมาใช้แทนขวดแก้ว  เพราะผลิตได้รวดเร็ว  สวยงาม  ราคาถูก
เนื่องจากขวดพลาสติกเป็นภาชนะบรรจุชนิดแข็ง  ( Rigid  Container )  มีประโยชน์ในการคุ้มครองสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ทั้งทางด้านความแข็งแรงด้านคุณภาพ  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของพลาสติกที่นำมาใช้ในการผลิต  พลาสติกที่นำมานิยมผลิตเป็นขวดพลาสติก  มีคุณสมบัติและประโยชน์การนำไปใช้
ดังนี้
นิดพลาสติกและการนำไปใช้ประโยชน์ 
- พลาสติกชนิดพอลิเอทีลีนชนิดความหนาแน่นสูง ( High  Density Polyethylene : HDPE)

      คุณสมบัติ หลอมตัวที่ 121 องศา เซลเซียส  ติดไฟง่าย มีกลิ่นเหม็นเหมือนขี้ผึ้งพาราฟิน
ป้องกันน้ำซึมผ่านได้ไม่ทนต่อไขมัน น้ำมัน กรด 

      การนำไปใช้ประโยชน ขวดนม  กล่องผงซักฟอก ขวดน้ำดื่ม  ที่ใส่เครื่องสำอางพลาสติกชนิดพอลิเอทีลีนชนิดความหนาแน่นสูง ( High  Density Polyethylene : HDPE       คุณสมบัติ หลอมตัวที่ 149 องศา เซลเซียส ติดไฟง่าย ไม่ดับเอง มีกลิ่นเหม็นเหมือนขี้ผึ้งพาราฟิน
  ป้องกันน้ำซึมได้ดี  ทนกรดได้ปานกลาง  ไม่ทนความเย็น
     การนำไปใช้ประโยชน ขวดยา  ขวดบรรจุน้ำผลไม้  ขวดแชมพู  ขวดบรรจุเครื่องสำอาง
- พอลิไวนิลคลอไรด์ ( Polyvinylchloride : PVC )        คุณสมบัติ หลอมตัวที่ 74-93 องศา เซลเซียส  ติดไฟค่อนข้างยากและดับ  มีกลิ่นเหม็นเหมือน
ขี้ผึ้งพาราฟิน  ป้องกันน้ำซึมได้ดี  ทนกรดได้ดี 

       การนำไปใช้ประโยชน์ ขวดน้ำมันพืช  ขวดน้ำส้มสายชู ขวดเครื่องสำอาง ขวดบรรจุผลิตภัณฑ์เคมี 
พอลิสไตรีน  (Polystyrene : PS )
     คุณสมบัติ หลอมตัวที่ 70-107 องศา เซลเซียส ติดไฟง่าย  ดับเอง  มีควันดำ มีกลิ่นเหมือนดอกไม้
ทนกรดได้ปานกลาง 

     การนำไปใช้ประโยชน์ ขวดบรรจุยา ขวดบรรจุวิตามิน  ขวดบรรจุเครื่องเทศ  ขวดบรรจุนม 
พอลิเอทีลีนเทเรเลต( Polyethylene    Telleftalate  : PET ) 
      คุณสมบัต หลอมตัวที่ 250 องศา เซลเซียส   ติดไฟง่าย  ไม่ดับเอง  มีกลิ่นทำให้เวียนศีรษะ
มีลักษณะใสเหมือนแก้ว ป้องกันน้ำ  ไขมัน   ก๊าซออกซิเจน
  ก๊าซคาร์บอนไดออกด์ได้ดี
     การนำไปใช้ประโยชน์ ขวดน้ำอัดลม  ขวดเบียร์ ขวดแชมพู  ขวดโคโลญ ขวดโลชั่น        
           3.2.2 รีทอร์ต  เพาซ์ ( Retort  Pouch  )  เป็นบรรจุภัณฑ์รูปแบบหนึ่งที่สามารถบรรจุสินค้า
หรือผลิตภัณฑ์แล้วนำไปฆ่าเชื้อด้วยความร้อน  คุณสมบัติของ2 รีทอร์ต  เพาซ์  ต้องทนอุณหภูมิ
ที่ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส   และสูงถึง 120 องศาเซลเซียส  ช่วยในการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไว้ได้นาน
หลายปี รูปทรงของรีทอร์ตเพาซ์ที่นิยมมากที่สุดคือ  เป็นถุงประกอบด้วยฟิล์มพลาสติกซ้อนกันหลาย
ชั้นมักมีการเสริมด้วย อะลูมิเนียมฟอยด์  เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการกันน้ำและก๊าซได้  นิยมนำมาใช้
ในการบรรจุอาหาร
           3.2.3 โฟม  ( Foam )  เป็นพลาสติกประเภทหนึ่ง  โดยการนำเม็ดพลาสติก อาทิ
( Polyethylene  : PE )  พอลิสไตรีน (Polystyrene : PS )  พอรียูรีเทน ( Polyulytane : PU )
พลาสติก ที่นิยม ใช้มากที่สุด คือ พอลิสไตรีนที่ขยายตัวแล้วเรียกว่า  Expanted  Polystyrene ( EPS)
นำมาเติมสารเร่งฟู จำพวก ไฮโดรคาร์บอน  เช่น เพนเทน ฟรีออน แล้วใช้ความร้อยเข้าไป
จนกระทั่งสารเร่งฟูเกิดการสลายตัว กลาย เป็นก๊าซ
  ซึ่งก๊าซที่เกิดขึ้นนี้จะแทรกตัวเข้าไปในเนื้อของพลาสติกทำให้เกิดโพรงจากนั้นนำมารีดเป็นแผ่นแล้ว
จึงนำไปบ่ม โดยใช้อุณหภูมิ  100 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 – 6 วัน เพื่อทำให้โฟมเกิดการพองตัว
มีความนุ่มและยืดหยุ่น อย่างถาวร  บรรจุภัณฑ์โฟมมีหลายแบบ เช่น ถาดแบน ถาดหลุม กล่องที่มีฝาปิด นิยมนำมาใช้บรรจุผลไม้ ผักอาหารแห้ง อาหารกึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากดูสะอาดและสวยงาม เก็บรักษาความร้อย ความเย็นของผลิตภัณฑ์ได้ดี ไม่ดูดน้ำและน้ำมัน  มีความเป็นกลางและปลอดภัยในการสัมผัสอาหาร  และช่วยเก็บความสดของอาหารไว ้ในระยะสั้น ๆ ได้ในขณะจัดจำหน่ายหรือในการขนส่ง
         3.2.4  หลอดลามิเนต  ( Laminate  Tube )  เป็นหลอดพลาสติก  ประกอบด้วยพลาสติกซ้อนกันหลายชั้น หนาประมาณ 0.33 มิลลิเมตรมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับหลอดโลหะ  ตัวหลอดทำมาจากวัสดที่สามารถป้องกัน ความชื้นและออกซิเจน ซึ่งเป็นผลทำให้ผลิตภัณฑ์เสียหาย  ตัวหลอดทำมาจากพลาสติกบ้างประเภท พอลิบิวทีลีนเทอร์ฟะทาเลต( Polybutylene  Terephthallate : PBT ) หรือ พอลิโพไพรลีน(  Polybutylene  : PP )  ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันก๊าซและไอน้ำ นิยมนำมาบรรจุผลิตภัณฑ์หลายชนิด  เช่น  กาว  สี  ยา  และผลิตภัณฑ์ บำรุงเส้นผม  กระบวนการผลิตหลอดลามิเนตมี  2 แบบ
         ( 1 )  การประกอบแบบอัดรีด  ( Extrucsion  Laminate )  เป็นการนำแผ่นพลาสติกกับแผ่นเปลวอะลูมิเนียม   มาอัดเป็นแผ่นเดียวกั-น  ซึ่งมีคุณสมบัติสกัดกั้นความชื้นและออกซิเจน
        ( 2 )  การประกอบแบบรีดร่วม  (  Coextrusion  Laminate )  เป็นการนำแผ่นพลาสติกกับ
แผ่น  EVOHซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกใสนำมารีดให้เป็นแผ่นเดียวกัน  ทำให้ตัวหลอดมีลักษณะเนื้อเดียวกัน
ไม่มีรอยต่อ  จึงมีคุณสมบัติที่ดีกว่าแบบอัดรีด  แต่มีค่าใช้จ่ายในกา
รผลิตสูง
 4.  บรรจุภัณฑ์ที่ได้จากไม้  ( Wood  Products )
ไม้เป็นวัสดุที่นำมาใช้เป็นหีบห่อที่เก่าที่สุดในโลกจนถึงปันจุบันไม้ก็ยังเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างเช่นเคยถึงแม้ว่ามีวัสดุอื่นมาทดแทนได้  แต่ส่วนใหญ่ยังคงใช้ไม้เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทาน กว่าวัสดุอื่นแต่มีปัญหาด้านการทำลาย  และข้อจำกัดของผู้นำเข้าสินค้า  เช่น  การห้ามใช้สารบ้างชนิด เพื่อรักษาเนื้อไม้ การเปิดตรวจสอบของกรมศุลกากร  ดังนั้นในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ไม้ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ของสินค้า วิธีการขนส่ง  ระยะเวลาในการขนส่ง น้ำหนัก
บรรทุก การเข้ามุมของไม้และประเภทของไม้ที่นำมาผลิต เป็นต้น
        ไม้เป็นวัสดุที่นำมาใช้เป็นหีบห่อที่เก่าที่สุดในโลก  จนถึงปันจุบันไม้ก็ยังเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างเช่นเคย  ถึงแม้ว่ามีวัสดุอื่นมาทดแทนได้  แต่ส่วนใหญ่ยังคงใช้ไม้เนื่องจากมีความแข็งแรงทนทานกว่าวัสดุอื่น แต่มีปัญหาด้านการทำลาย  และข้อจำกัดของผู้นำเข้าสินค้า  เช่น  การห้ามใช้สารบ้างชนิดเพื่อรักษาเนื้อไม้ การเปิดตรวจสอบของกรมศุลกากร  ดังนั้นในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ไม้ต้อคำนึงถึงความเหมาะสม ของสินค้า  วิธีการขนส่ง  ระยะเวลาในการขนส่ง  น้ำหนักบรรทุก  การเข้ามุมของไม้
และประเภทของไม้ที่นำมาผลิต  เป็นต้น    
        4.1  ประเภทของไม้ที่นำมาผลิตบรรจุภัณฑ์ แบ่งได้เป็น 4 ประเภท
               4.1.1  ไม้แผ่น  คือ  ไม้ที่ได้จากการเลื่อยซุงเอาเปลือกออก ขนาดของไม้ที่นิยมนำมาทำหีบห่อมี ขนาด 50 x 50  มิลลิเมตร  หรือ 125 x 20  มิลลิเมตร  เป็นต้น  ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
               4.1.2  เป็นการนำไม้ซุงให้เป็นแผ่นบาง  เรียกว่า  วีเนียร์  ( Veneer  )  มีลักษณะผิวเรียบ
ความหนาสม่ำเสมอมีความชื้นร้อยละ 2 – 3 แล้วนำมาวางเรียงซ้อนกันโดยแต่ละชั้นให้ขวางเส้นใยกันตั้งแต่3ชั้น ขึ้นไป  ยิ่งมากชั้นคุณภาพยิ่งดี  เพราะโอกาสโค้งงอมีน้อยจากนั้นใช้กาวติด  แล้วอัดด้วยความร้อน ไม้อัดขนาด มาตรฐานที่นำมาใช้ผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์  คือ  ขนาด 2,400 x 1,200  มิลลิเมตร
             4.1.3  แผ่นเส้นใยไม้อัด  เป็นการนำเศษไม้มาย่อยเป็นเศษใย  นำไปผสมกาวอัดเป็นแผ่น  เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องการความทนทานมากนัก  แต่หากต้องการความแข็งแรงต้องใช้ไม่อื่นมาประกบ  เพื่อเสริมความแข็งแรง  แบ่งได้เป็น  2 ชนิด
             ( 1 )  เส้นใยไม้อัดชนิดมาตรฐาน  มีความหนาประมาณ 2 – 6มิลลิเมตร ทนต่อแรงกดดันได้
800กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
             ( 2 )  เส้นใยไม้ชนิดทนต่อความชื้น มีความหนาประมาณ 3 – 12 มิลลิเมตร ทนต่อแรงกดดันได้960กิโลกรัมต่อลูกบาศ์เมตร
            4.1.4  แผ่นขชิ้นไม้อัด  เป็นการนำไม้ซุงมาลอกเปลือกออกตัดเป็นท่อน  จากนั้นทำให้เป็นเกล็ดอบให้แห้งแล้วผสมกาวอัดให้เป็นแผ่น  เหมาะสำหรับใช้ทำลังหรือแผ่นรองรับสินค้าเนื่องจากเบาแล้วมีความแข็งแรง พอสมควร  แบ่งได้  3 ชนิด
              ( 1 )  แผ่นชิ้นไม้สับ(  Chipboard ทำจากไม้อัดติดกับกาว มีความหนาประมาณ 3- 50 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับทำเป็นแท่นรองรัยสินค้า แต่ไม่เหมาะกับการทำเป็นหีบห่อสินค้า เพราะมีความแข็งแรงต่อน้ำหนักต่ำ
              ( 2 )  แผ่นเกล็ดไม้อัด  ( Waferboard  )  ทำจากไม้ที่เลื่อยเป็นแผ่นชิ้นบาง  ๆ  เรียกว่าเกล็ดนำมาวางซ้อนกันเป็นชั้นโดยวางสลับกันจนเป็นแผ่น  อัดด้วยกาว อบให้แห้งเหมาะสำหรับการหีบห่อสินค้าทีมีน้ำหนักไม่มาก
              ( 3 )  สแตนด์บอร์ด  (  Standboard  )  ทำมาจากไม้ที่เลื่อยให้เป็นเส้นเกลียว  นำไปผสมกับกาว อัดเป็นแผ่น  เหมาะสำหรับใช้ทำลังและแท่นรองรับสินค้า
          4.2ประเภทของบรรจุภัณฑ์ไม้
บรรจุภัณฑ์ไม้มีความหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับลักษณะของสินค้า  และความต้องการของผู้ใช้
แบ่งได้  7 ประเภท  คือ  กล่องไม้  ลังไม้  ลังไม้อัด  ถาดไม้  เข่งไม้ไผ่  กล่องกระดาษ  ถุงและซอง
          4.2.1  กล่องไม้  ( Box )  เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีความเก่าแก่ทีสุดที่ทำจากไม้ มีการพัฒนาค่อนข้างน้อย  ปันจุบันกล่องไม้ที่นิยมใช้กันมี  5 แบบ  ดังรูป


ที่มา  :  http://www.thaigoodview.com/library/contest1/science04/110/body17.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น